ประวัติ เวย์น รูนี่ย์
‘เวย์น
รูนี่ย์’ ชื่อเต็มว่า ‘เวย์น มาร์ก
รูนี่ย์’
เกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.1985 ที่ย่านคร็อกซ์เทธ เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันอายุ 28 ปี
ส่วนสูง 178 เซนติเมตร น้ำหนัก 79 กิโลกรัม
ตำแหน่ง กองหน้า สวมเสื้อหมายเลข 10
เส้นทางการค้าแข้ง…
‘เวย์น
รูนี่ย์’ เริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนโรงเรียนลิเวอร์พูล
สคูลบอยส์ และทีมเยาวชนเดอะไดนาโม
บราวนิ่งส์ ซึ่งเขาทำผลงานได้โดดเด่นสุดๆ
จนได้รับการเซ็นสัญญาเป็นผู้เล่นในทีมเยาวชนของเอฟเวอร์ตัน
ในวันเกิดอายุครบรอบ 11 ปี
และเขาได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของเอฟเวอร์ตัน โดยสวมเสื้อหมายเลข 18
ซึ่งชื่อของเขาก็ต้องถูกจารึกไว้เมื่อกลายเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีก
ด้วยวัยเพียง 16 ปี กับ
360 วัน (ก่อนที่จะโดนแซงหน้าไปอีก 2 ครั้ง)
ในวันที่ 19 ตุลาคม 2002
นัดที่แจ้งเกิดของเขาคือนัดที่ยิงประตูช่วยให้เอฟเวอร์ตันต้นสังกัดของเขาเอาชนะอาร์เซน่อล
ทีมที่ไม่เคยแพ้ใคร
มา 30 เกมได้สำเร็จ
และยังเป็นประตูสุดสวยด้วยการปั่นไซด์โค้งระยะกว่า 30 หลา
เข้าสามเหลี่ยมมุมบน
แบบสุดอัศจรรย์อีกด้วย จากนั้น ‘รูนี่ย์’
ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ
ซึ่งจากเดิมที่เป็นนักเตะฝึกหัดของสโมสร
ได้รับค่าจ้างเพียง 10 ปอนด์ (ประมาณ 500
บาท) ต่อสัปดาห์ ก็ได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ปอนด์
(ประมาณ 500,000 บาท) ต่อสัปดาห์
นับตั้งแต่นั้นมา ‘รูนี่ย์’ ก็ถูกจับตามองจากสื่อมวลชนในอังกฤษ และได้รับการยกย่องให้เป็นวันเดอร์คิดคนใหม่
ของวงการฟุตบอล และได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปี 2002
ด้วยเมื่อจบฤดูกาลแรก
แต่ชีวิตของ ‘รูนี่ย์’ ก็ประสบปัญหาในฤดูกาลต่อมา
เมื่อเอฟเวอร์ตันมีผลงานตกต่ำลงอย่างน่ากลัว ขณะที่ ‘รูนี่ย์’
เอง
ก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงไปมาก
รวมทั้งยังเริ่มมีพฤติกรรมในทางที่ไม่เหมาะสม
เช่นการไปเที่ยวสถานเริงรมย์และมีรสนิยมชอบสาวงามเมืองที่มากประสบการณ์เป็นต้น
‘รูนี่ย์’
กลับมาแจ้งเกิดได้อย่างยิ่งใหญ่แบบเต็มตัวในช่วงศึกยูโร 2004
โดยได้ถูกเรียกตัวจาก ‘สเวน โกรัน เอริคส์สัน’
ให้เข้ามาติดทีมชาติ โดยมี ‘ไมเคิล โอเว่น’
สตาร์รุ่นพี่เป็นคู่หู ซึ่งก่อนหน้านั้น ‘รูนี่ย์’
เคยถูกเรียกตัวติดทีมชาติ
มาเป็นเวลาปีเศษแล้ว โดยเกมแรกที่ได้ลงเล่นในสีเสื้อ ‘สิงโตคำราม’ คือเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติออสเตรเลีย
ในวันที่ 12 ก.พ. 2003 และเป็นอีกครั้งที่ทำสถิติเป็นผู้เล่นทีมชาติอังกฤษที่อายุน้อยที่สุด
(ก่อนจะโดน
‘ธีโอ วัลค็อตต์’ วันเดอร์คิดคนต่อมาทำลายในปีกลาย)
อีกทั้งเขายังเป็นนักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดที่ทำประตู
ให้ทีมชาติได้ด้วยอายุเพียง 17 ปี
ในเดือนกันยายน 2003 ในเกมที่พบกับมาซิโดเนีย
ฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นของ ‘รูนี่ย์’ ทำให้ทีมชาติอังกฤษมีความหวังที่จะประสบความสำเร็จในเวทีระดับชาติ
อีกครั้ง แต่พวกเขาก็ต้องฝันสลายเมื่อ ‘รูนี่ย์’
เกิดได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับโปรตุเกส
จนต้องเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ก่อนที่ทีม ‘สิงโตคำราม’
จะตกรอบด้วยการพ่ายจุดโทษ
จากอาการบาดเจ็บของ ‘รูนี่ย์’ ส่งผลให้เขาต้องพักรักษาตัวอีกหลายเดือน
แต่มันก็กลายเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม
ที่สุดสำหรับทีมต่างๆ ที่จะตามล่าเจ้าหนูมหัศจรรย์คนนี้ไปร่วมทีม
ขณะที่เอฟเวอร์ตัน ต้นสังกัดพยายามสุดชีวิต
เพื่อจะปกป้องสมบัติล้ำค่าของแฟนบอลเอาไว้ให้ได้
สุดท้าย ‘รูนี่ย์’ ตกลงย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2004 ก่อนตลาดซื้อขายจะปิด
เพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น ด้วยค่าตัวถึงกว่า 27
ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,350 ล้านบาท)
และลงเล่นนัดแรกในวันที่
28 กันยายน 2004 โดยพบกับทีมเฟเนร์บาห์เช่
ซึ่งเขาสามารถทำแฮตทริกได้ในนัดแรกที่ลงสนามให้กับทีม
สำหรับการยิงประตูนัดแรกในพรีเมียร์ลีกให้กับทีม ‘ปีศาจแดง’ นั่นก็คือการยิงประตูทีมอาร์เซน่อล
ในวันที่
24 ตุลาคม 2004 ช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้ 2-0
และเป็นประตูฉลองวันเกิดครบอายุ 19 ปี
ให้กับเขาในวันนี้ด้วย
กระนั้นฟอร์มการเล่นของเขาก็ยังไม่ค่อยมีความสม่ำเสมอมากนัก
เนื่องจากแมนฯ ยูไนเต็ด เองก็มีปัญหา
ความไม่ลงตัวโดยเฉพาะ ‘รุด ฟาน นิสเตลรอย’
กองหน้าตัวค้ำที่มีปัญหาคาใจกับทาง ‘คริสเตียโน่
โรนัลโด้’
ปีกดาวรุ่งของทีมจนเป็นชนวนบาดหมางและลงเอยที่กองหน้าชาวฮอลแลนด์
ที่เป็นดาวซัลโวประจำทีม
ต้องย้ายออกไปในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา
แต่การย้ายออกไปของ ‘ฟาน นิสเตลรอย’ กลับเป็นผลดี เมื่อ ‘รูนี่ย์’ ได้มีบทบาทในฐานะหัวใจสำคัญในเกมรุก
อย่างจริงจัง โดยมี ‘หลุยส์ ซาฮา’ เป็นคู่หูคนใหม่ที่เข้าขากันได้ดี รวมถึง ‘โรนัลโด้’
ที่เคยมีข่าวหมางใจกัน
ในช่วงฟุตบอลโลก 2006 ก็จับมือผนึกกำลังกันได้อย่างน่ากลัว
‘รูนี่ย์’
กับ ‘โรนัลโด้’ เล่นได้เข้าขากันและยังเป็นกำลังหลักของทีม
และทั้งสองได้ร่วมกันคว้าแชมป์ยูฟ่า
แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2007 และแชมป์พรีเมียร์ลีก
3 ครั้งติดต่อกันในปี 2007 – 2009 ก่อนที่
‘โรนัลโด้’
จะย้ายออกจากทีมไป ซึ่งในช่วงปี 2007 ‘เวียร์
มิน’ ยังได้เปลี่ยนเสื้อเป็นหมายเลข 10 โดยมีดาวยิง
ผู้เป็นตำนานสโมสร ‘เดนิส ลอว์’ เป็นผู้มอบเสื้อหมายเลข 10 ให้กับ ‘รูนี่ย์’ อีกด้วย
ด้านชีวิตส่วนตัว ‘เวย์น รูนี่ย์’ สมรสกับ ‘คอลีน’
(สกุลเดิม แม็คลาฟลิน) มีบุตร 2 คน คือ ‘ไค รูนี่ย์’
เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2009 และ ‘เคลย์ รูนีย์’ นอกจากนั้นเขายังมีน้องชายที่เล่นในตำแหน่ง
เดียวกันชื่อ ‘จอห์น รูนี่ย์’ ที่ปัจจุบันเล่นให้สโมสรฟุตบอลแม็คเคิ่ลสฟิลด์ ทาวน์
ปัจจุบัน ‘รูนี่ย์’ ได้รับค่าเหนื่อย 180,000 ปอนด์ (ประมาณ 9 ล้านบาท) ต่อสัปดาห์
ลงเล่นให้กับทีม ‘ปีศาจแดง’
ไปแล้วทั้งสิ้น 407 นัด ทำได้ 201 ประตู ได้รับใบเหลือง 74 ใบ และใบแดง 2 ใบ สำหรับเกมกับทีมชาติอังกฤษ
เขาลงเล่นไปแล้ว 83 นัด ทำได้ 36 ประตู ได้รับใบเหลือง 10 ใบ และใบแดง 2 ใบ
ขอขอบคุณ
http://www.manuclubs.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%99-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%8Cwayne-rooney.html
เกิดเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.1985 ที่ย่านคร็อกซ์เทธ เมืองลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษ ปัจจุบันอายุ 28 ปี
ส่วนสูง 178 เซนติเมตร น้ำหนัก 79 กิโลกรัม
ตำแหน่ง กองหน้า สวมเสื้อหมายเลข 10
บราวนิ่งส์ ซึ่งเขาทำผลงานได้โดดเด่นสุดๆ จนได้รับการเซ็นสัญญาเป็นผู้เล่นในทีมเยาวชนของเอฟเวอร์ตัน
ในวันเกิดอายุครบรอบ 11 ปี และเขาได้ลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของเอฟเวอร์ตัน โดยสวมเสื้อหมายเลข 18
ซึ่งชื่อของเขาก็ต้องถูกจารึกไว้เมื่อกลายเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีก ด้วยวัยเพียง 16 ปี กับ
360 วัน (ก่อนที่จะโดนแซงหน้าไปอีก 2 ครั้ง) ในวันที่ 19 ตุลาคม 2002
มา 30 เกมได้สำเร็จ และยังเป็นประตูสุดสวยด้วยการปั่นไซด์โค้งระยะกว่า 30 หลา เข้าสามเหลี่ยมมุมบน
แบบสุดอัศจรรย์อีกด้วย จากนั้น ‘รูนี่ย์’ ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ ซึ่งจากเดิมที่เป็นนักเตะฝึกหัดของสโมสร
ได้รับค่าจ้างเพียง 10 ปอนด์ (ประมาณ 500 บาท) ต่อสัปดาห์ ก็ได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ปอนด์
(ประมาณ 500,000 บาท) ต่อสัปดาห์
ของวงการฟุตบอล และได้รับรางวัลนักฟุตบอลดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปี 2002 ด้วยเมื่อจบฤดูกาลแรก
ก็มีปัญหาอาการบาดเจ็บและฟอร์มการเล่นที่ดร็อปลงไปมาก รวมทั้งยังเริ่มมีพฤติกรรมในทางที่ไม่เหมาะสม
เช่นการไปเที่ยวสถานเริงรมย์และมีรสนิยมชอบสาวงามเมืองที่มากประสบการณ์เป็นต้น
ให้เข้ามาติดทีมชาติ โดยมี ‘ไมเคิล โอเว่น’ สตาร์รุ่นพี่เป็นคู่หู ซึ่งก่อนหน้านั้น ‘รูนี่ย์’ เคยถูกเรียกตัวติดทีมชาติ
มาเป็นเวลาปีเศษแล้ว โดยเกมแรกที่ได้ลงเล่นในสีเสื้อ ‘สิงโตคำราม’ คือเกมอุ่นเครื่องกับทีมชาติออสเตรเลีย
ในวันที่ 12 ก.พ. 2003 และเป็นอีกครั้งที่ทำสถิติเป็นผู้เล่นทีมชาติอังกฤษที่อายุน้อยที่สุด (ก่อนจะโดน
‘ธีโอ วัลค็อตต์’ วันเดอร์คิดคนต่อมาทำลายในปีกลาย) อีกทั้งเขายังเป็นนักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดที่ทำประตู
ให้ทีมชาติได้ด้วยอายุเพียง 17 ปี ในเดือนกันยายน 2003 ในเกมที่พบกับมาซิโดเนีย
ฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นของ ‘รูนี่ย์’ ทำให้ทีมชาติอังกฤษมีความหวังที่จะประสบความสำเร็จในเวทีระดับชาติ
อีกครั้ง แต่พวกเขาก็ต้องฝันสลายเมื่อ ‘รูนี่ย์’ เกิดได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับโปรตุเกส
จนต้องเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ก่อนที่ทีม ‘สิงโตคำราม’ จะตกรอบด้วยการพ่ายจุดโทษ
ที่สุดสำหรับทีมต่างๆ ที่จะตามล่าเจ้าหนูมหัศจรรย์คนนี้ไปร่วมทีม ขณะที่เอฟเวอร์ตัน ต้นสังกัดพยายามสุดชีวิต
เพื่อจะปกป้องสมบัติล้ำค่าของแฟนบอลเอาไว้ให้ได้
เพียง 4 ชั่วโมงเท่านั้น ด้วยค่าตัวถึงกว่า 27 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,350 ล้านบาท) และลงเล่นนัดแรกในวันที่
28 กันยายน 2004 โดยพบกับทีมเฟเนร์บาห์เช่ ซึ่งเขาสามารถทำแฮตทริกได้ในนัดแรกที่ลงสนามให้กับทีม
สำหรับการยิงประตูนัดแรกในพรีเมียร์ลีกให้กับทีม ‘ปีศาจแดง’ นั่นก็คือการยิงประตูทีมอาร์เซน่อล ในวันที่
24 ตุลาคม 2004 ช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้ 2-0 และเป็นประตูฉลองวันเกิดครบอายุ 19 ปี ให้กับเขาในวันนี้ด้วย
ความไม่ลงตัวโดยเฉพาะ ‘รุด ฟาน นิสเตลรอย’ กองหน้าตัวค้ำที่มีปัญหาคาใจกับทาง ‘คริสเตียโน่ โรนัลโด้’
ปีกดาวรุ่งของทีมจนเป็นชนวนบาดหมางและลงเอยที่กองหน้าชาวฮอลแลนด์ ที่เป็นดาวซัลโวประจำทีม
ต้องย้ายออกไปในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา
อย่างจริงจัง โดยมี ‘หลุยส์ ซาฮา’ เป็นคู่หูคนใหม่ที่เข้าขากันได้ดี รวมถึง ‘โรนัลโด้’ ที่เคยมีข่าวหมางใจกัน
ในช่วงฟุตบอลโลก 2006 ก็จับมือผนึกกำลังกันได้อย่างน่ากลัว
แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2007 และแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 ครั้งติดต่อกันในปี 2007 – 2009 ก่อนที่ ‘โรนัลโด้’
จะย้ายออกจากทีมไป ซึ่งในช่วงปี 2007 ‘เวียร์ มิน’ ยังได้เปลี่ยนเสื้อเป็นหมายเลข 10 โดยมีดาวยิง
ผู้เป็นตำนานสโมสร ‘เดนิส ลอว์’ เป็นผู้มอบเสื้อหมายเลข 10 ให้กับ ‘รูนี่ย์’ อีกด้วย
เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2009 และ ‘เคลย์ รูนีย์’ นอกจากนั้นเขายังมีน้องชายที่เล่นในตำแหน่ง
เดียวกันชื่อ ‘จอห์น รูนี่ย์’ ที่ปัจจุบันเล่นให้สโมสรฟุตบอลแม็คเคิ่ลสฟิลด์ ทาวน์
ไปแล้วทั้งสิ้น 407 นัด ทำได้ 201 ประตู ได้รับใบเหลือง 74 ใบ และใบแดง 2 ใบ สำหรับเกมกับทีมชาติอังกฤษ
เขาลงเล่นไปแล้ว 83 นัด ทำได้ 36 ประตู ได้รับใบเหลือง 10 ใบ และใบแดง 2 ใบ